บทที่ 5 ถูกเสี่ยวมี่จัดการ
วันเวลาที่สงบสุขของสองแม่ลูกก็อยู่ไม่นาน หลังจากที่แยกออกมาใช้ชีวิตของตนเองได้เพียงสิบวัน นางไห่ซื่อที่อิจฉาที่ทำกินที่เพิ่มขึ้นอีกนับสิบหมู่ และที่ข้างเรือนของจิ่วเม่ยที่เพิ่มอีกห้าหมู่ ก็ทำให้นางเริ่มคิดแผนการ
ยิ่งมีบุตรชายอย่างชุยฟงช่วยวางแผนด้วยแล้ว นางก็เดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เพื่อพูดคุยกับน้องชายของนาง
“อากวง ข้ามีงานให้เจ้าทำ” นางไห่ซื่อดึงตัวน้องชายไปคุยที่หลังเรือน แล้วบอกแผนการที่นางให้ไปจัดการ
ไห่กวง ดวงตาเป็นประกายเมื่อฟังแผนการของพี่สาว เขาเลียริมฝีปากอย่างมุ่งร้าย
“หากข้าได้ดี ไม่มีวันเริ่มท่านพี่อย่างแน่นอน”
สองพี่น้องมองและยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ ก่อนที่นางไห่จะแยกกลับไปที่หมู่บ้านก่อน ในตอนกลางคืนไห่กวงจะแอบเข้าไปในหมู่บ้าน
กลางดึกในคืนนั้น สองแม่ลูกนอนอยู่ภายในห้อง โดยไม่รู้เลยว่าด้านนอกเรือนกำลังมีคนคิดที่จะแอบเข้ามา
เป็นไห่กวงที่กำลังเหลียวมองไปรอบๆ เรือน เพื่อหาทางกระโดดเข้ากำแพง ยังดีที่เรือนของจิ่วเม่ย ท่านปู่ท่านย่าของนางพอจะมีเงินจากการค้าขาย จึงได้สร้างกำแพงที่แข็งแรง ทั้งยังสูงกว่าเรือนอื่น ด้วยกลัวว่าสัตว์ป่าจะเข้ามาในหมู่บ้าน
แต่ไห่กวงยังมิได้จะลองกระโดดเข้าเรือนของจิ่วเม่ย เสียงบินของผึ้งที่ไม่น่าจะยังมีอยู่ในตอนกลางคืน ก็บินตรงมาทางเขานับร้อยตัว
ผึ้งในความดูแลของเสี่ยวมี่ ทำรังอยู่ที่ต้นไม้หน้าเรือนของจิ่วเม่ย เมื่อเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของไห่กวง มันก็รีบไปแจ้งเสี่ยวมี่ที่อยู่ด้านในเรือนทันที
พอเสี่ยวมี่ออกมาด้านนอก พร้อมกับเสี่ยวเตี๋ย จึงให้ฝูงผึ้งเข้าจัดการกับไห่กวง จะได้ไม่รบกวนเวลานอนของนายหญิงของตน นางจะได้โตเร็วๆ
“โอ๊ยยย” เสียงร้องของไห่กวงที่หน้าเรือน ทำให้จิ่วเม่ยต้องลุกออกไปดูว่าเป็นเสียงของผู้ใด
แต่เมื่อออกมาชะเง้อคอดู ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ที่หน้าเรือนของนาง จิ่วเม่ยเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่นางจะเดินกลับไปนอนข้างบุตรสาวตามเดิม
ไห่กวงวิ่งหนีฝูงผึ้งไปยังเรือนของพี่สาว เมื่อจิ่วเม่ยนางออกมาจึงไม่ได้เห็นเขา ไห่กวงโดนผึ้งต่อยไปที่ใบหน้าและเนื้อตัวไม่น้อยกว่าสิบแห่ง
เสี่ยวมี่ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องของตนต่อยเขาเพิ่มแล้ว เพียงแต่ยังไล่ตามไปจนถึงเรือนของนางไห่ซื่อ
เสียงร้องของไห่กวงที่วิ่งจากท้ายหมู่บ้านไปจนเรือนของตระกูลชุยที่กลางหมู่บ้าน ปลุกให้ชาวบ้านที่ต่างเข้านอนไปแล้วลุกขึ้นออกมาดูอย่างสงสัย
“นั่นมันน้องชายนางไห่ซื่อมิใช่หรือ” หนึ่งในชาวบ้านที่ออกมาดูมองไปที่ไห่กวงที่วิ่งผ่านหน้าไป
“มาทำอันใดยามนี้” พวกเขาต่างเดินตามไปอย่างสงสัย
“ท่านพี่ ท่านพี่ เปิดประตูเร็วเข้า” ไห่กวงตะโกนร้องเรียกพี่สาวอยู่ที่หน้าเรือน
นางไห่ซื่อลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างแปลกใจ นางคุยกับน้องชายไว้แล้วว่า พรุ่งนี้นางจะพาชาวบ้านไปที่เรือนของจิ่วเม่ย เพื่อให้พวกเขาเห็นกับตา ว่าทั้งคู่ลอบนัดพบกัน
“นั่นเสียงอากวงมิใช่รึ” ต้าหลางลุกตามเมียขึ้นมานั่ง ก่อนที่จะเดินออกจากเรือนเพื่อไปดู
พอเปิดประตูเรือนเท่านั้น นางไห่ซื่อก็กรีดร้องออกมา เมื่อเห็นผึ้งบินอยู่รอบตัวน้องชาย ใบหน้าของเขาเริ่มจะบวมเป็นหัวหมูแล้ว
เสี่ยวมี่เห็นนางไห่ซื่อ ก็สั่งให้ผึ้งที่บินล้อมไห่หวง บินไปต่อยที่ปากของนางทันที
“โอ๊ยยย” นางไห่ซื่อกรีดร้องออกมาอย่างเสียขวัญ ทั้งปัดป้องและวิ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในเรือน
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ชาวบ้านไปตามลุงหวงที่เป็นผู้นำหมู่บ้านมา เพราะไห่กวงไม่ใช่คนในหมู่บ้าน หากเกิดเรื่องร้ายกับเขาย่อมไม่ดี อีกอย่างเขาอยากจะรู้ว่าไห่กวงมาทำอะไรที่หมู่บ้านในตอนมืดค่ำเช่นนี้
ชาวบ้านมองตามฝูงผึ้งไปอย่างประหลาดใจ เพียงแค่ลุงหวงมาถึง ก็หนีหายไปเสียแล้ว ต่างมองเขาอย่างชื่นชม คนที่เพิ่งมายังไม่รู้เรื่องแต่ได้รับสายตาเช่นนี้ถึงกับกระอักกระอ่วนใจเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่จะมีผู้ใดเอ่ยเล่าสิ่งที่เห็นให้หัวหน้าหมู่บ้านได้รู้เรื่องราว ต่างก็ต้องไปตามตัวหมอมาดูอาการของสองพี่น้องเสียก่อน เพราะไห่กวงหมดสติไปเสียแล้ว
“ไปทำอันใดมา ถึงได้โดนผึ้งต่อยมากมายเช่นนี้” ท่านหมอซง ได้แต่ส่ายหน้า เขาเป็นเพียงหมอเท้าเปล่าที่มีความรู้เล็กน้อยเท่านั้น ได้แต่ส่ายหน้าและให้ส่งไห่กวงเข้าไปหาหมอในเมืองแทน
ซิ่วอิงแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่ห้องของนางอย่างหวัดกลัว ยิ่งเห็นปากของมารดา นางก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ พอผึ้งบินเข้ามาใกล้ นางก็กรีดร้องแล้วกลับเข้าไปอยู่ในห้องแทน
ต้าหลางจำต้องเช่าเกวียนวัวของชาวบ้าน แล้วรีบพาสองพี่น้องเข้าไปในเมืองทันที
ชาวบ้านที่เห็นไห่กวงวิ่งมาจากท้ายหมู่บ้านก็บอกเรื่องที่ตนรู้ให้ลุงหวงฟัง ลุงหวงรีบเดินไปที่ท้ายหมู่บ้านเพื่อดูว่าเกิดเรื่องกับจิ่วเม่ยและบุตรสาวหรือไม่ เพราะไห่กวงเป็นน้องชายของไห่ซื่อ ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ค่อยจะดีนัก
จิ่วเม่ยสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกอยู่ที่หน้าเรือน นางตบหลังของซูเจินที่สะดุ้งตื่นเช่นกันให้นางนอนต่อ ก่อนจะลุกออกไปดูผู้ที่มาเยือน
“มีเรื่องอันใดเจ้าคะ” เมื่อเปิดประตูเรือนออกไปจิ่วเม่ยก็ต้องประหลาดใจ เพราะมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่อยู่หน้าเรือนของนาง
“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” ลุงหวงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยทำหน้ามึนงง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงหวงถึงได้ถามนางเช่นนี้
“ชาวบ้านเห็นไห่กวงวิ่งมาจากท้ายหมู่บ้าน หากเจ้าไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว”
จิ่วเม่ยเบิกตากว้าง ตัวของนางสั่นสะท้านออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้ยินว่าไห่กวงวิ่งจากท้ายหมู่บ้านไปที่เรือนของพี่สาวเขา
“จริงหรือเจ้าคะ เมื่อครึ่งชั่วยามได้ ข้าได้ยินเสียงร้องที่หน้าเรือน แต่พอออกมาดูกลับไม่พบสิ่งใด ข้าจึงได้กลับไปนอนต่อ”
